ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังจมดิ่งเรื่อยๆ จิดใจของเขามีแต่ความสับสนวุ่นวายเหมือนว่าเขากำลังหลงทางอยู่ในความคิดที่สิ้นหวัง เมื่อนานมาแล้วโลกยังคงหมุนด้วยมานาอันยิ่งใหญ่ ไร้รูปร่าง เทพเจ้าผู้สร้างองค์แรกที่ได้ปรากฏตัวขึ้น และพูดออกมาว่า “จงกลายเป็นแผ่นดิน” มานาที่อยู่ใต้เท้าของท่านก็แข็งตัว และกลายสภาพเป็นแผ่นดินขึ้นมา ส่วนมานาที่อยู่บนหัวท่านก็กลายเป็นท้องฟ้า มังงะยอดนิยม
เด็กชายคนหนึ่งบอกปู่กัสว่า “ผมอยากรู้เรื่องเวทย์มนต์บ้างครับ” วิญญาณชราที่ชื่อกัสจึงบอกว่า “เงียบไปเลย ฉันสอนนายฟรีนะ ยังจะเรื่องมากอีก” ปู่กัสเล่าต่อว่า “เทพผู้สร้างดวงอาทิตย์ พระจันทร์ สร้างทะเลแยกออกจากแผ่นดิน ธรรมชาติก็เกิดขึ้น รวมถึง เทพ มนุษย์ และสัตว์ก็เกิดตามมา” เด็กก็คิดในใจว่า ถึงปู่กัสจะเป็นผีที่หยิ่ง หัวรั้น แล้วก็ดื้อ แต่ก็ฉลาดและคอยสอนความรู้ให้เรา และเทพผู้ชั่วร้ายกถือกำเนิดขึ้น เทพผู้สร้างใช้ถ้อยคำ และสัญลักษณ์ เป็นตัวอักษรที่มีพลังแฝงอยู่ การวาดอักษรเรียก อินนิส และไฟก็ปรากฏขึ้น พอเปล่งเสียงว่า เอระ ไฟก็ดับลงทันที สิ่งนี้เรียกว่า เวทย์มนต์ นั่นคือพลังแห่งถ้อยคำ เด็กชายก็เข้าไปในห้องที่มีรูปปั้นของเทพเจ้า เขาได้เห็นและได้สัมผัสถ้อยคำ สรรสร้างอักขระ เวทย์มนต์ที่สลักไว้ เขาเห็นว่าบางอย่างถูกลบไป เพื่อไม่ให้พลังทำงาน เด็กชายมาหยุดที่รูปปั้น เทพเกรซฟิว และก็มีอันเดรสสาวมัมมี่ ชื่อว่า มารี ถามเด็กชายว่า “ชอบเทพองค์นี้หรอ” เด็กชายก็ตอบว่า “ก็ชอบอยู่ครับ” มารีพูดว่า “นี่คือเทพนำทางการเวียนว่ายตายเกิด เป็นลูกสาวของเทพโวล์ว และพระแม่มาเทล” มารีนั้นศรัทธาในพระแม่มาเทล เพราะพระแม่มาเทลเป็นเทพที่ดูและแผ่นดิน และเด็กๆ คอยช่วยสร้างอาหารอีกด้วย มารีสวดภาวนากับพระแม่มาเทลทุกๆ วัน มารีบอกเด็กชายว่า “ได้เวลากินข้าวแล้วนะ” อันเดรส โครงกระดูกผมแดงที่ชื่อ บัส ก็เปิดประตูเข้ามา เข้าล่าหมูป่ามาให้ แล้วบอกเด็กชายว่า “วันนี้เจ้าได้กินเนื้อสุดอร่อยของเจ้าแล้วนะ” ริวก็ดีใจ ขอบคุณบัสเป็นการใหญ่
บัสรักและเอ็นดูริวมาก มารีก็ทำอาหารอร่อยและน่ากินมาก จึงขอบคุณทั้งสองที่ทำให้ บัสบอกว่า “อีกหน่อยเจ้าต้องล่าสัตว์เองนะ เดี๋ยวข้าจะสอนให้ การล่าไม่ใช่การฆ่าอย่างเดียว แต่เป็นการฝึกระมัดระวังตัวด้วย” ริวก็มีท่าทางเป็นกังวล บัสเลยถามว่า “กลัวหรอ” มารีก็ด่าบัสว่า “ริวยังเด็กเล็กอยู่นะ” ปู่กัสก็แย้มว่า “ต้องเรียนเรื่องเวทย์ให้เก่งด้วยละ ริวแค่ 3 ขวบ เป็นเด็กอัจฉริยะ เขาจดจำได้เขียนเวทย์ได้แล้ว อนาคตต้องเก่งกว่าข้าแน่นอน ” บัสก็แกล้งล้อปู่ว่า “ถ้าเรียนเวทย์แล้วปู่ก็แย่หย่ะสิ หัวโต แถมยังงกเงินอีกด้วย” ริวคิดว่าบัสภายนอกถึงจะดูหยาบกระด้าง แต่ที่จริงแล้วคอยทำให้ทุกคนอารมณ์ดี และไม่เครียดอยู่เสมอ ปู่ถามมารีว่า “ไปเอาขนมมาจากไหนหรอ” มารีก็ตอบว่า “ความลับหน่ะ” ริวคิดในใจว่า ทั้ง 3 มีความลับเยอะจริงๆ
ริวสงสัยว่า ทำไมที่แห่งนี้มีแต่เราที่เป็นมนุษย์อยู่คนเดียว เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเจอมนุษย์คนอื่นเลย และทำไมทั้งสามถึงเป็นอันเดรส มีแต่เรื่องที่เราอยากรู้ แต่ไม่อยากถาม เพราะเราเองก็มีความลับเรื่องที่จำอดีตชาติได้ แต่ก็ไม่อยากบอกทั้งสามคนให้รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ลืมตาตื่นก็มา ก็เจอ บัส มารี และปู่กัส เป็นอันเดรส เรากลัวโดนฆ่ามาก ร้องไห้หนักเลย แต่ทั้งสามคนกลับรักและเอ็นดูเราอย่างมากอย่างดีเลย 186 วันผ่านไป เราก็ได้รับการเลี้ยงดูจากอันเดรสมาครึ่งปี มารีคอยเลี้ยงดู ป้อนอาหารให้กับเรา เหมือนเป็นแม่อีกคนนึง ถึงเราจะยังพูดไม่ได้แต่ก็เข้าใจคำพูดของทุกคนแล้ว มารีนั้นมีกลิ่นตัวหอมเหมือนกลิ่นธูป มารีพาเราออกไปข้างนอกที่มีกลิ่นห้องพรรณธรรมชาติ และอากาศที่สดชื่นในตอนเข้า ของนอกนี้สวยมากจริงๆ เลย สวยจนเราน้ำตาไหลแล้วซาบซึ้งมาก ตอนแรกคิดว่าที่นี่เป็นนรกซะอีก คิดว่าจะต้องตายทั้งเป็นแล้วแน่ๆ แต่มารีก็รับเราเหมือนลูกของตัวเองเลย ตอนนี้เรารู้ความจริงแล้วว่า เรามีชีวิตใหม่ที่ต้องการอย่างแท้จริง
ต่อมาริวก็หมดแรง นอนหงายท้องหลังจากฝึกเสร็จ บัสบอกว่า “เจ้าต้องฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่ง เพราะทักษะต้องควบคู่กับกล้ามเนื้อที่แข็งแรง” ริวก็ถามว่า “ใช้ทักษะเอาชนะพลังได้หรอกหรอ” บัสก็พูดว่า “ทักษะเอาชนะพลังได้ แต่ในบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้พลังของกล้ามเนื้อ เพื่อเอาชนะตังหากหล่ะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้าต้องไม่ขาดกล้ามเนื้อเด็ดขาด และค่อยมาว่าเรื่องทักษะกัน” ริวพูดว่า “บัสพูดเรื่องกล้ามเนื้อ ขัดกับตัวเองเลยนะ” บัสก็เหวอไปเลยโดนริวสวนมุกนี้ไป
ริวเขียนอักษร อินนิสเวทย์เพลิง แต่มันแรกเกินไป ปู่กัสบอกว่า “ออกเสียงดังขนาดนี้ เวทย์ก็แรงเกินไปนะสิ ถ้าไม่รู้จักใช้พลังให้เหมาะสม มีหวังระเบิดตัวเองตายแน่นอน” ริวก็พึ่งเข้าใจว่าเวทย์มนต์มันน่ากลัวมาขนาดนี้เลยหรอ ปู่กัสเลยบอกว่า “เจ้าต้องใช้ลางสังหรณ์แยกแยะว่าต้องใช้เวทย์แค่ไหนด้วย” ปู่กัสสอนว่า “สิ่งที่ใช้ง่ายกว่าการใช้เวทย์ก็คือ การใช้เงินหน่ะสิ” …. อ่านต่อ…